วัดดอนกลอย
ประวัติความเป็นมาของวัด
วัดดอนกลอย ตั้งอยู่เลขที่ 57 หมู่ที่ 5 ตำบลดอนกลอย อำเภอหนองขา
หย่าง จังหวัดอุทัยธานี มีเนื้อที่ 21 ไร่ 1 งาน 30 ตารางวา สังกัดนิกายมหายาน
การสร้างวัดได้สร้างขึ้นเป็นวัดนับตั้งแต่ประมาณ พ.ศ. 2000 ได้พระราชทาน
วิสุคามสีมา ในราว พ.ศ. 2300 การสร้างวัดขึ้นแต่เดิมนั้นไมมี่ใครทราบความเป็นมาที่แนชั่ด
เจ้าอาวาสที่ทราบรายนาม มี 7 รูป
1. พระครูอุปพัทธรรมคุณ
2. พระอธิการหย่ง
3. พระอธิการทองคำ
4. พระอธิการบำรุง
5. พระอธิการสมชาย
6. พระอธิการน้อย
7. พระใบฎีการังสรรค์ สิรินธโร
วัดดอนกลอย
สถานที่ตั้ง เลขที่ 57 หมู่ที่ 5 ตำบลดอนกลอย อำเภอหนองขาหย่าง จังหวัดอุทัยธานี
ชื่อเจ้าอาวาส พระใบฎีการรังสรรค์ สิริน.ธโร
จำนวนพระภิกษุ 5 รูป สามเณร - รูป
เนื้อที่ของวัด 21 ไร่ 1 งาน 30 ตารางวา
โบราณสถาน
- วิหารเก่า (อายุประมาณ 90 ปี เดิมเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูป )
- วิหารหลวงพ่อจู ( อดีตท่านเจ้าอาวาส )
- เจดีย์สมัยโบราณ
- สระน้ำสมัยก่อน
- ศาลาหลังเก่า ( สร้างขึ้นประมาณ พ.ศ. 2494 )
โบราณวัตถุ
- พระพุทธรูป
- ของใช้สมัยก่อน เช่น ถ้วยชามสมัยเก่า กาโบราณ เป็นต้น
- ตู้หอไตรพระปิฎก
- ธรรมมาสเก่า ( สร้างประมาณ พ.ศ. 2471 อายุประมาณ 78 ปี )
- ภาพพุทธประวัติ ( ตั้งแต่ พ.ส. 2500 )
กิจกรรมประจำปีของวัด
- งานวัด ประมาณเดือน 4 ( การทำบุญอัฐิ )
- งานสงกรานต์ ( สงน้ำพระ อาบน้ำผู้ใหญ่ )
หลวงพ่อจู
วิหารหลวงพ่อจู
ประวัติหลวงพ่อจู จันทปัญโญ
พระครูอุปพัทรธรรมคุณ หรือหลวงจู จันทปัญโญ นามเดิมว่า จู นามสกุล เยี่ยมสนธิ เป็นบุตรคนที่ 5 ของนายผึ้ง นางชวน เกิดที่บ้านหมู่ที่ 8 ตำบลทองหลาง อำเภอโนนไทย จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันอังคารขึ้น 12 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ เอกศก จุลศักราช 1241 ตรงกับวันที่ 25 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2422 มีพี่น้องร่วมมารดาเดียวกัน 5 คน เป็นชาย 4 หญิง 1 พี่ชาย 3 คือ นายเทาหรือ (บุญ) นายแป้น นายดำ พี่หญิงคือ นางแตงโม ทุกท่านได้สิ้นชีพไปหมดแล้ว
เมื่อเป็นเด็กได้ศึกษาหนังสือไทยในสำนักวัดทองหลาง อันเป็นวัดประจำตำบลนั้น ภายใต้ความปกครองของพระอาจารย์จิตร ครั้นศึกษาภาษาไทยพออ่านออกเขียนได้คล่องแล้ว จึงศึกษาภาษาขอมเพิ่มเติมตามควรแก่สมัยนิยมในยุคนั้น พออายุได้ 17 ปี จึงลาออกจากวัดไปช่วยผู้ปกครองทางบ้าน ประกอบอาชีพกสิกรรมอยู่จนอายุ 20 ปี
อายุ 21 ปี ได้บรรพชาอุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดทองหลาง อำเภอโนนลาว (บัดนี้เปลี่ยนเป็นโนนไทย) จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2442 สำเร็จญัตติเวลา 10.15 น. พระครุจันทร์ เจ้าคณะแขวง (บัดนี้เรียกว่าเจ้าคณะอำเภอ จำราชทินนามไม่ได้ ) เป็นพระอุปัชฌายะ พระปลัดจิตร เป็นกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์พลาย เป็นพระอนุสาวนาจารย์
ในฐานะที่ท่านเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวดอนกลอยและชุมชนใกล้เคียง ท่ามกลางสภาวะสงครามและความหวาดระแวงในยุคสมัยนั้น ชาวบ้านต่างก็ต้องการสิ่งยึดเหนี่ยวทางใจ ดังนั้นในสมัยหลวงพ่อท่านมีชีวิตอยู่ท่านก็ได้จัดทำวัตถุมงคลไว้จำนวนหนึ่งเพื่อสงเคราะห์แก่คณะศรัทธา เท่าที่สืบทราบในรายการหลัก ๆ มีดังต่อไปนี้
พระพิมพ์ดินเผา เป็นพระพิมพ์ชุดแรกและชุดเดียวของท่านที่ท่านสร้างและทำพิธีตามตำรับตำราของท่านพระบูรพาจารย์ไว้เป็นจำนวนมาก แต่พระของท่านจะมีขนาดเล็กกว่า แบบพิมพ์ก็ไม่คมชัดนักคงจะเกิดจากการถอดจากพระต้นแบบอีกที ในด้านเนื้อหาส่วนใหญ่จะดูหยาบ ๆ ฟูๆ แต่บางองค์ที่แก่ไฟเนื้อจะออกดำและแกร่ง ข้อสังเกตอีกประการหนึ่งก็คือด้านหลังขององค์พระจะปรากฎรอยนิ้วมืออยู่ทั่วไป
แผ่นใบลานลงอักขระ
เป็นเครื่องรางที่หลวงพ่อท่านทำให้สูกศิษย์ในยุคต้น ๆ ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 หรืออาจจะก่อนหน้านั้นเสียด้วยซ้ำ ซึ่งท่านจะตัดใบลานจารอักขระแล้วปลุกเสกให้ โดยมีความกว้างประมาณ 1 ซม. ยาวประมาณ 2 นิ้ว มีรอยจารอักขระอยู่ 8-9 ตัว อ่านได้ใจความว่า “พุทธังอัด ธัมมังอุด สังฆังปิด”
ตะกรุดสาลิกา ของขลังอีกประการหนึ่งนั้นได้แก่ตะกรุดสาลิกา ซึ่งทำจากแผ่นเงินเล็ก ๆ จารอักขระแล้วม้วนเป็นตะกรุดเสร็จแล้วจึงทำการปลุกเสกอีกครั้ง มักจะใส่ตลับสีผึ้งหรือยาหม่องให้ ว่ากันว่าตะกรุดสาลิกาของท่านขลังนักในเรื่องเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย และถ้าใครทำไม่ดี ผิดศีลผิดข้อห้าม ตะกรุดที่อยู่ในตลับยาหม่องจะหายไปเองได้อย่างอัศจรรย์
รูปถ่ายรุ่นแรก
และที่เป็นที่นิยมกันนักหนานั่นก็คือ รูปถ่ายหุ้มทองแดง ซึ่งจะเป็นรูปหลวงพ่อห่มเฉียงพาดสังฆาฏินั่งพับเพียบมือทั้งสองข้างวางที่เข่า ทางขวามือมีพัดยศตั้งอยู่ด้านข้างเป็นรูปอัดกระจกเลี่ยมขอบด้วยทองแดงมีห่วงเชื่อมสำหรับคล้องคอ และสันนิษฐานว่าน่าจะจัดสร้างในคราวที่ท่านได้ชั้นพระครูคือเมื่อประมาณปี 2490 นอกจากนี้ก็ยังมีตะกรุดเคียนเอว ผ้าเช็ดหน้า ผ้ายันต์ ซึ่งท่านจะทำให้เป็นรายบุคคลไม่มีมาตรฐานแน่นอนจึงมิได้นำมากล่าวด้วย ส่วนเหรียญรูปท่านครึ่งองค์นั้นทำแจกในวันพระราชทานเพลิงศพเมื่อปี พ.ศ.2500 ในเรื่องอภินิหารจากวัตถุมงคลของหลวงพ่อจูล้วนเป็นที่เชื่อถือกันมาช้านานของชาวบ้านดอนกลอยและบริเวณใกล้เคียง ดังจะยกตัวอย่างบางเหตุการณ์มาเป็นอุทาหรณ์ ดังนี้ประสบการณ์รูปถ่ายหลวงพ่อจู
รายแรกชื่อนางสาวมานิตย์เป็นชาวบ้านดอนกลอยครั้งหนึ่งเธอเคยคิดสั้น เนื่องจากผิดหวังจากความรักและรู้สึกเสียใจมาก จึงคิดฆ่าตัวตายด้วยการยิงตัวเองด้วยอาวุธปืน ลูกโม่ รีวอลโล่.22 หันปากกระบอกจ่อหัวตัวเองแล้วตัดสินใจลั่นไก ปรากฏว่าดินปืนไม่จุดระเบิดถึง 2 ครั้ง ด้วยความสงสัยว่า ลูกปืนมีปัญหารึเปล่าจึงหันปากกระบอกปืนไปทางอื่น แล้วลั่นไกเสียงดังโป้ง ดินปืนทำงานตามปกติ จึงหันปากกระบอกจ่อขมับตัวเองอีกครั้งแต่ผลปรากฏว่า แชะ แชะ ดินปืนไม่ทำงานเหมือนเดิม เป็นเวลาเดียวกันที่คุณแม่ของ นางสาวมานิตย์เข้ามาห้ามไว้พอดี การรอดชีวิตเพราะความขาดสติยั้งคิดในครั้งนี้เชื่อว่าเกิดจากอิทธิฤทธิ์จากรูปถ่ายหุ้มฝาบาตรของหลวงพ่อจูที่ห้อยคออยู่เพียงองค์เดียว เธอจึงมีชีวิตอยู่จนถึงปัจจุบัน และได้ถือเพศรักษาพรหมจรรย์ด้วยการบวชชี
อีกรายหนึ่งชื่อ นายฝน เกิดสุวรรณ ชาวบ้านดอนกลอย หมู่ 6 ได้เคยทดลองยิงห่อผ้าซึ่งภายในมีพระเครื่องต่าง ๆ ประมาณ 30 องค์ ห่อผ้าไว้ แล้วใช้ปืนแก๊ปบรรจุลูกตะกั่วประมาณ 20 – 30 ลูก โดยประมาณ ปรากฏว่ายิงออกกลุ่มลูกกระสุนประทะกับห่อพระกระจุยกระกระจายไปคนละทิศคนละทาง เมื่อยิงเสร็จแล้วนายฝนก็ไปดูผลงานให้แน่ใจอีกครั้ง แต่เมื่อมองไปยังบริเวณที่ห่อผ้าวางอยู่เขาถึงกับขนลุกทั้งตัวเพราะมีเพียงรูปถ่ายหลวงพ่อจูเพียงองค์เดียวเท่านั้น ที่อยู่รอดปลอดภัย จากกลุ่มลูกกระสุนนับสิบจึงเป็นที่หวงแหนยิ่งนัก
ประสบการณ์พระพิมพ์ดินเผาหลวงพ่อจู
อีกรายหนึ่งเป็นภรรยาของ จสอ. จอม เนียมคำ มีอาชีพค้าชาย อยู่ที่บ้านขุนจัด ในวันเกิดเหตุ คนร้ายทำทีว่าจะมาซื้อของ แต่ฝ่ายภรรยา สังเกตเห็นว่ามีพิรุธจึงไหวตัวจะหลบเข้าหลังร้าน คนร้ายจึงชักปืนลูกซองสั้น ยิงถูกบริเวณไหล่ซ้าย แต่ผลปรากฏว่า ความแรงของลูกปืน ไม่สามารถเข้าไปในผิวหนัง
อ้างอิงโดย นายถวิล รักกสิกร และ กำนันสนับ สีธูป และ sitluangporguay.com/forum/index.php?topic=4206.0
ภายในศาลาหลังเก่า
ภาพพุทธประวัติสมัยเก่า ( พ.ศ. 2500 )
ตู้หอไตรสมัยเก่า
โบราณวัตถุ
พระอุโบสถหลังใหม่
*********************************************************
ประวัติโรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลัย อุทัยธานี
โรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลัย อุทัยธานี กรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ
จัดตั้งขึ้นตามโครงการจัดตั้งโรงเรียนภ.ป.ร.ราชวิทยาลัยเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลเดชฯเนื่องในมหามงคลวโรกาสเถลิงถวัลยราชสมบัติ50ปี เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2539
โดยกระทรงศึกษาธิการได้ประกาศตั้งโรงเรียน เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2538 ใช้ชื่อว่า "โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช ฯ ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี
จังหวัด อุทัยธานี " ต่อมาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานชื่อใหม่ให้ว่า โรงเรียน " กาญจนาภิเษกวิทยาลัย อุทัยธานี"